ธุรกิจคาร์แคร์ รู้สักนิด…ก่อนลงมือทำ
กรุงเทพมหานคร ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการจราจรติดขัด ใช้เวลาในการเดินทางนานไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยในทุกๆปีจะมีจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย สร้างความหงุดหงิดใจให้ผู้เดินทางหลายๆคนตลอดทั้งวัน แต่ในมุมมองจากอีกหนึ่งธุรกิจ ปัญหานี้กลับกลายเป็นโอกาสทองในการสร้างรายได้ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง นั่นคือผู้ประกอบการ “ธุรกิจคาร์แคร์” ผู้ให้บริการด้านการดูแลรถยนต์อย่างครบครัน ที่สามารถตอบโจทย์คนรักรถได้เป็นอย่างดีค่ะ
ประเภทของ “ธุรกิจคาร์แคร์”
1.ทำความสะอาด ล้างรถยนต์แบบอย่างง่าย ผู้ประกอบมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ สามารถเริ่มต้นธุรกิจนี้ได้ง่ายๆ ด้วยเงินลงทุนต่ำ ส่วนใหญ่จะใช้แรงงานคนในการล้างรถยนต์ แต่บางร้านอาจมีเครื่องมือเข้ามาด้วย ในด้านการบริการอาจทำได้ไม่เต็มที่ รวมทั้งค่าบริการก็ไม่สามารถคิดราคาที่สูงได้ค่ะ
2.ทำความสะอาด ล้างรถยนต์แบบครบวงจร เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในผู้ประกอบการ โดยการให้บริการทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารของรถยนต์ บริการดูดฝุ่น ค่าบริการเริ่มต้นที่ประมาณ 150 – 200 บาทขึ้นไป
3.ซ่อมบำรุงรถยนต์ รูปแบบนี้จะเป็นการเน้นให้บริการด้านซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ โดยส่วนใหญ่จะใช้แรงงานจากช่างผู้ชำนาญ มีความรู้โดยเฉพาะ ค่าบริการจะสูงกว่า 2 แบบแรก แต่จะไม่ค่อยมีลูกค้าประจำมากนัก
4.ขายอุปกรณ์คาร์แคร์DIY รูปแบบนี้จะมีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ที่มีเวลาดูแลรถยนต์ด้วยตนเอง ชื่นชอบส่วนตัว โดยจะเลือกซื้ออุปกรณ์คาร์แคร์DIY ที่เกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ไปใช้ด้วยตนเอง เช่น แชมพูล้างรถ ผ้าชามัว ผลิตภัณฑ์เคลือบเงารถ เป็นต้นค่ะ
จุดเด่นที่ทำให้ “ธุรกิจคาร์แคร์” น่าสนใจ
1.เริ่มต้นง่าย ด้วยประเภทของคาร์แคร์นั้นมีความหลากหลาย ให้ผู้ลงทุนด้พิจารณาตามความเหมาะสม เงินลงทุนจึงมากน้อยตามรูปแบบที่สนใจ มีตั้งแต่ราคาประมาณหลักหมื่นจนถึงหลักล้านบาท
2.ตอบโจทย์ผู้รักรถยนต์ จะพบได้ว่าผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว จะมีการดูแลทำความสะอาดรถ ด้วยตนเองหรือเข้าร้านคาร์แคร์ และการเช็คเครื่องยนต์กับศูนย์ผู้ให้บริการเป็นประจำ อีกทั้งผู้ที่ชื่นชอบในการแต่งรถ แต่งเครื่องให้สวยถูกใจมากมาย บนท้องถนน
3.รถยนต์ทีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในทุกๆปีจะมีปริมาณรถบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว จึงทำให้ร้านคาร์แคร์มีกลุ่มเป้าหมายใหม่ จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอค่ะ
คำถามที่พบบ่อย “ธุรกิจคาร์แคร์”
Q : ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเริ่มธุรกิจ A : ควรศึกษาข้อมูลให้ครบในทุกๆด้าน ตั้งแต่ขั้นตอนในการให้บริการ ค่าบริการ ร้านคู่แข่งทางธุรกิจที่อยู่ใกล้มีจำนวนเท่าไหร่ จุดแข็ง จุดอ่อนของแต่ละร้าน และการเลือกทำเลที่ตั้ง เป็นต้นค่ะ
Q : พนักงานในร้านควรมีจำนวนเท่าใด A : โดยทั่วไปควรมีพนักงานไม่ต่ำกว่า 5 คน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจคาร์แคร์ที่เปิดให้บริการค่ะ
Q : มีรถยนต์มาใช้บริการไม่มากเท่าที่ควร A : ผู้ลงทุนควรทำการประชัมพันธ์ร้าน เรียกลูกค้า หรือนำเสนอโปรโมชั่นให้ถึงมือลูกค้าโดยตรงได้ยิ่งดี เช่นตามสถานประกอบการณ์ บริษัทต่างๆ เป็นต้น
Q : ถ้าขาดทุนตั้งแต่เริ่มต้น ควรทำอย่างไร A : โดยทั่วไปธุรกิจที่เปิดใหม่ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของลูกค้ามากนัก ต้องใช้เวลาในการประชาสัมพันธ์ พัฒนา จุดแข็ง จุดด้อย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังเงินในการลงทุน และความคุ้มค่าของผู้ประกอบการค่ะ